05 Sep
05Sep

Theory แนวความคิดเกี่ยวกับ สูตร Sharpe Ratio กับปริศนาที่น่าดึงดูด

Theory แนวคิด หมายเหตุเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับ สูตร Sharpe Ratio ปริศนาแรก: ในแบบอย่างตลาดค้าหุ้นสหรัฐอเมริกา "อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยใน 1 ใน 6 ปีน้อชูว่า -6%" คำนวณเช่นไร? อัตราส่วน Sharpe จะนับว่าผลตอบแทน จากการลงทุนอยู่สำหรับการขยายความธรรมดา (มองรูปข้างล่าง)และสามารถอ่านข่าวกีฬา กับเรื่องราวต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ : @web1s และ หวยออนไลน์


เมื่อกล่าวในทางเลขผลบวก ของเหตุสุ่มอิสระจำนวนไม่ใช่น้อย โดยธรรมดาจะสอดคล้องกับการแจกแจง แบบธรรมดา เช่นถ้าหากคุณ โยนเหรียญไปเรื่อยข้างหน้าเป็น 1 และก็ข้างหลังเป็น -1 ภายหลังจากวิธีการทำซ้ำเยอะมากๆ ผลบวกของคำตอบจะเป็นไปตามการแจกแจงแบบธรรมดา
ดังที่กล่าวไว้ ในบล็อกที่ผ่านมา "แนวคิดการตลาดที่มีคุณภาพ" เป็นที่ชื่นชอบในวงวิชาการ: แนวทางของแต่ละขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์ เป็นแบบอิสระแล้วก็สุ่ม ซึ่งเท่ากันกับการ "โยนเหรียญ" อย่างสม่ำเสมอแล้วก็อัตราผลตอบแทนท้ายที่สุดแน่ๆ เป็นไปตามการแจกแจงแบบธรรมดา พวกเรามากล่าวถึงหลักสูตรเบื้องต้น "กรรมวิธีการสุ่ม" สำหรับในการเงินเชิงจำนวนกันเถิด
หากว่า ข้อสมมติของการแยกเยะ แบบธรรมดาจะไม่สมบูรณ์แบบ แม้กระนั้นก็เป็นกรอบฐานราก สำหรับการทำความเข้าใจปัญหา รูปข้างล่างเผยค่าความเป็นไปได้ ของการแจกแจงธรรมดา แบบอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ความเป็นไปได้ที่ อัตราผลตอบแทน อยู่ระหว่าง 0 เท่าถึง 0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานเป็น 19.1% (ส่วนสีเขียวของรูป) ในลักษณะเดียวกันความเป็นไปได้ ที่อัตราผลตอบแทนน้อยกว่า -1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ส่วนสีส้มในรูป) เป็นโดยประมาณ 16% เอาไปใช้กับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 16%) อัตราผลตอบแทนทุกปีน้อยกว่า -1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
โน่นเป็นความเป็นไปได้ 10% -16% = -6% เกิดเรื่องเกี่ยวกับ 1/6. "อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยใน 1 จาก 6 ปีน้อชูว่า -6%" จะราวๆด้วยแนวทางนี้
ปริศนาลำดับที่สอง: มีความไม่สอดคล้องต้องกัน ในข้อสมมติของ Sharpe Ratio ไหม? แน่ๆมี ข้อสมมติของการแจกแจงธรรมดาไม่สมบูรณ์ อันที่จริงการเคลื่อนไหว ของตลาดหลักทรัพย์มิได้เป็น "อิสระแล้วก็สุ่ม" อย่างสมบูรณ์มิฉะนั้น พวกเราไม่มีความจำเป็นที่ต้องกังวลใจกับการศึกษาเล่าเรียนข้อบังคับอะไรก็ตาม
แบบอย่าง ตัวอย่างเช่นในวิกฤตการคลังการเคลื่อนไหว ของตลาดหลักทรัพย์ มีความข้องเกี่ยวแบบอันดับ ที่แกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกว่า "แนวโน้ม" ซึ่งนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเกิด "แจ็คพ็อค" ในผลตอบแทน ของตลาดหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีความหมายว่าความน่าจะเป็นไปได้ ของการ "วิ่ง ไปยังตำแหน่งสุดขีด "
อยู่ในระดับค่อนข้างสูง คร่าวๆจากการแจกแจงธรรมดา นอกเหนือจากนั้น "อัตราผลตอบแทนที่ ไม่มีความเสี่ยง" ในอัตราส่วน Sharpe เป็นแถวคิดที่ไม่แน่ชัดรวมทั้งทุนด้านการเงิน ของนักลงทุน ไม่ใช่ r นอกเหนือจากนี้การประมาณความปั่นป่วนไม่ใช่ปัญหากล้วยๆมีการชี้แนะผู้อื่น
ครั้งละเรื่องมีเอกสารทางด้านวิชาการมากยิ่งกว่า N เรื่องที่เอ่ยถึงข้อ จำกัด ของอัตราส่วน Sharpe แล้วก็กลยุทธ์ปรับแต่ง
ปัญหาลำดับที่สาม: การใช้ Sharpe Ratio สำหรับนักลงทุนทั่วๆไป เป็นยังไง? เหตุผลหลักเป็นการรู้แจ้ง สำหรับการคิด: การลงทุนมิได้มองดูเพียงแค่อัตราผลตอบแทน เพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังขึ้นกับจำนวนการเสี่ยงด้วย คราวต่อไปที่มีคนบอกคุณว่า "ฉันคืนค่าถัวเฉลี่ย 30% ในตอนสามปีที่ล่วงเลยไป
" คุณสามารถ "ถามเบาๆ"ว่า"มันแปรผันขนาดไหน" ในบล็อกต่อไปพวกเราจะดูตัวอย่างจริงของกองทุนคุ้มครอง การเสี่ยง การเดิมพันและก็การลงทุนชุดที่ 11: แบบอย่าง การวิเคราะห์ ผลของการดำเนินงานของกองทุนคุ้มครอง การเสี่ยงตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
ในครั้งที่แล้วการวัดผลการลงทุน ไม่ควรที่จะดูที่อัตราผลตอบแทน แค่นั้น แต่ว่าจำต้องตรึกตรองสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้วย ปัจจุบันนี้ให้พวกเราดูตัวอย่าง ที่มีคุณประโยชน์ของกองทุนคุ้มครองปกป้อง การเสี่ยง ตารางต่อแต่นี้ไปแสดง ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของกองทุนคุ้มครองปกป้อง การเสี่ยงขนาดใหญ่ ที่โด่งดังหลายกองทุน
(ที่มา: รายงานการวิจัย HSBC) ทรัพย์สินภายใต้ การจัดการของกองทุนกลุ่มนี้ มีมูลค่ามากยิ่งกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และก็เปิดจัดการมาแล้วกว่า 5 ปี คุณจะนำเงินไปลงทุนในกองทุนใด? คุณจะเลือกกองทุน D ที่มีอัตราผลตอบแทน 79% ต่อปีใช่ไหม?
ขอแสดงความยินดีคุณได้เลือก กองทุน Paulson Credit Opportunities Fund ซึ่งเป็นคนขายสินค้าซับไพรม์รายใหญ่ ในตอนวิกฤตการคลังแล้วก็รับกำไร หลายพันล้านดอลลาร์ พอลสันผู้ผลิตรวมทั้งบริหารกองทุน (ซึ่งมีนามสกุลเดียว กับอดีตกาลเมืองมนต รีคลังเก็บของสหรัฐ พอลสัน แต่ว่าไม่เกี่ยวข้องกัน) ได้แปลงเป็นหนึ่ง ในผู้จัดการกองทุนที่โด่งดังที่สุดในบัดดลและสามารถอ่านข่าวกีฬา กับเรื่องราวต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ : แทงหวย


แม้กระนั้นพวกเราพึ่งคุยกัน: คุณไม่สามารถที่จะมองดูเพียงแค่ อัตราผลตอบแทน แม้กระนั้นจะต้องตรึกตรอง การเสี่ยงด้วย ตารางที่ 2 แสดงความเปลี่ยนแปลงและก็ การคาดการณ์ค่า Sharpe Ratio ของแต่ละกองทุน (สมมุติว่ามีอัตราผลตอบแทนที่ ไม่มีความเสี่ยง 3%) คุณคิดยังไงภายหลัง อ่านเนื้อความนี้?
Theory แนวความคิดเกี่ยวกับ สูตรของ Sharpe Ratio กับปัญหาที่น่าดึงดูด
จากมุมมอง ของความผันแปรและก็อัตราส่วน Sharpe เหตุการณ์มี ความสลับซับซ้อนเยอะขึ้นนิดหน่อย ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทน ของกองทุน C จะมีเพียงแค่ 15% แต่ว่าความเปลี่ยนแปลง ก็น้อยกว่า 5% ด้วยเหตุนั้น Sharpe Ratio ก็เลยมากถึง 2.7 ซึ่งมากยิ่งกว่า 1.5 ของ พอลสัน เกือบจะสองเท่า
พูดอีกอย่างหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงของกองทุน C เป็นเพียงแค่หนึ่ง ในสิบของความปั่นป่วน ของกองทุน พอลสัน สมมุติว่านัมายากลงทุนเต็มอกเต็มใจ ที่จะรับการเสี่ยงจากความปั่นป่วน คงเดิมต่อจากนั้นเขาสามารถลงทุน 1 หยวน
ในกองทุน พอลสันหรือ 10 หยวนในกองทุน C ,การเสี่ยงใกล้เคียงกันแล้วก็ผลตอบแทนรวม ของกองทุน C สูงยิ่งกว่า Cหมายถึงกองทุนไม่ลเลนเนียม ซึ่งฯลฯไม้ที่เขียวชอุ่ม ทั้งปี ในอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์ ในบรรดาผู้จัดการ มีผู้ที่มีความชำนาญคนจีน คนไม่ใช่น้อย จากมุมมองของนักลงทุน
มันเกิดเรื่องยากมากมายที่จะเลือกว่า จะเลือกกองทุน พอลสัน ที่ "หาเงินยาก" หรือกองทุนสหัสวรรษ "รายได้ป้อมอาจจะ" นอกเหนือจากนี้อัตราส่วน Sharpe ของกองทุน A แล้วก็กองทุน B ยังสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 0.4 อย่างเป็นจริงเป็นจังในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดี เหมือนกัน อัตราผลตอบแทนของกองทุน E นั้นต่ำลงยิ่งกว่าอัตราค่าดอกเบี้ย ที่ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งต่ำเหลือเกิน
การวิเคราะห์เพิ่มเติมอีก เฉพาะการใช้ Sharpe Ratio เพื่อเทียบดูเหมือนจะ "ไม่แฟร์" กับกองทุน พอลสัน: ถึงแม้ว่าความผันแปรจะสูง แม้กระนั้นจำนวนมากเป็น "ความเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้น" ซึ่งมีสาเหตุมาจาก "ความผันแปร" ในขั้นตอนสร้างรายได้ที่หวือหวา
นั้นตามที่เป็นจริงแล้ว ไม่ใช่การเสี่ยง นักลงทุนกลัวการสูญเสียเงิน โดยเฉพาะ ถ้าหากพวกเขาสูญเสียหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ในคราวเดียว เพราะฉะนั้นสำหรับในการวัดการเสี่ยง จึงต้องควรพิเคราะห์“ การน้อยลงสูงสุด” ด้วยโน่นเป็น เปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุด ของแต่ละกองทุนที่“ ย้อนกลับ” จากจุดสุดยอดในประวัติศาสตร์ดัง แสดงในตารางที่ 3
ช่วงนี้น่าดึงดูดเพิ่มมากขึ้น กองทุน A (กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของ อังกฤษ) ต่ำลงสูงที่สุดน้อยกว่า 5% แล้วก็เกิดขึ้นในปี พุทธศักราช 2546 กองทุนหลบหลีก การสูญเสียครั้งใหญ่ ในตอนวิกฤต ปี 2550-2551 ซึ่งน่าดึงดูดทีเดียว กองทุนเฮดจ์ฟันด์ รวมทั้ง มัลลิเนียม ต่างก็เป็นชนิด "รายได้ป้อมปราการอาจ"
ทั้งสองก็รอดพ้น วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์มาได้ดูราวกับว่าทั้งคู่ จะแยกไม่ออกมาจากกัน เมื่อเทียบกับกองทุน พอลสัน พวกเขาสามารถชี้แจงได้ว่าเป็น ยกลาน ยกกันรวมทั้งแต่ละกองทุน มีความรู้ความเข้าใจสำหรับในการชนะโดยเหตุนี้ อีกทั้งสามกองทุนนี้ ได้รับการผลักดันและสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน
โดยมีเงินทุนภายใต้ การจัดการมากถึง 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ 10 พันล้านเหรียญสหรัฐรวมทั้ง 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดอลลาร์ ดูเหมือนมันจะสมเหตุสม ผลสำหรับบุคคลอื่นที่จะ "ใหญ่มากยิ่งกว่า"
(หมายเหตุ: กองทุน "แบรนด์เนม" เป็นจำนวนมากไม่รับการลงทุนใหม่ อีกต่อไปเพื่อรักษาอัตรา ผลตอบแทน)กองทุน E (เดรค แอปซูลูป) ยังเป็นกองทุนขนาดใหญ่ ภายใต้การจัดการค่า หลายพันล้านดอลลาร์ แต่ว่าก็ประสบพบปัญหา ขาดทุนเป็นอย่างมากกว่า 50% ในวิกฤตการคลัง
ซึ่งทำให้นักลงทุน สูญเสียความมั่นใจรวมทั้งถอนทุนออกไป เพราะฉะนั้น ขณะนี้ เดรค บริหารเงินลงทุนมีเพียงแต่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จะมองเห็นได้ว่าไม่ว่า คุณจะทำแค่ไหน ถ้าคุณไม่ใส่ใจกับการเสี่ยงคุณก็บางทีอาจ "กลับไปสู่ก่อนที่จะมีการปล่อยในเลวทรามข้ามคืน" ลิเวอร์มอร์ ถูกเอ๋ยถึงในบทความที่ผ่านมาแล้วก็ เดรค ก็เป็นตัวอย่างที่มีชีวิตเหมือนกัน


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจในวันนี้ : บาคาร่า ออนไลน์
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : RoseStarRoseStar

Comments
* The email will not be published on the website.
I BUILT MY SITE FOR FREE USING